สำรวจโลกของ Dilmah
ครอบครัวเดลมาร์
Dilmah ในการบริการและการบริการอาหาร
ความซื่อสัตย์และจริยธรรม
แรงบันดาลใจจากชา
การพักผ่อนและการบริการ
ความรู้ & การฝึกอบรม
ร้านค้าออนไลน์
12 ขั้นตอนในการชง นำเสนอ & เสิร์ฟ ชาที่สมบูรณ์แบบ
เนื่องจากนักดื่มชาส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในคุณภาพของชาในถ้วยของพวกเขาทำให้พวกเขาสูญเสียความสุขและความดื่มด่ำกับคุณค่าจากธรรมชาติในชาอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจว่านักดื่มชาจะได้รับคุณค่าที่ครบถ้วนจากชา โปรดทำตามคำแนะนำง่ายๆของเราเพื่อให้แน่ใจว่าถ้วยชาดิลมาของคุณจะได้รับการจัดเตรียมอย่างสมบูรณ์แบบ ดังต่อไปนี้
กฎ #1
การเลือกชาที่ดีต้องมีความรอบคอบ

Rule #1
ชาที่ดีนั้นถึงจะไม่แพงแต่ก็ไม่ถูก ทั้งนี้ชาถือได้ว่าเป็นของที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณค่า ทำให้การเลือกชาที่ดีนั้นต้องมีความรอบคอบ ชาที่มีการผลิตตามวิธีการแบบดั้งเดิม – เรียกว่า วิธีออร์โธดอกซ์ – เป็นการรักษาลักษณะพิเศษของที่ดินธรรมชาติ และปัจจัยทางอากาศที่เกี่ยวข้อง ชาจะทำการบรรจุที่แหล่งผลิต เพื่อรักษาความสด และ รักษาความบริสุทธิ์จากแหล่งกำเนิด – โดยสรุป ชาจากแหล่งกำเนิดเดียว บริเวณเดียว หรือ พื้นที่เดียวกัน- เป็นชาที่ดีที่สุด
กฎ #2
การปกป้องชาของคุณ

Rule #2
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารจะเก็บไวน์ของพวกเขาไว้ในห้องเก็บไวน์ที่ควบคุมอุณหภูมิ และ เก็บซิการ์ในกระปุกสำหรับการเก็บโดยเฉพาะ ชาเองก็ไม่แตกต่างกันในเรื่องการเก็บรักษา โดยชาเป็นสารดูดความชื้นและกลิ่น ดังนั้น จึงควรปกป้องชาของคุณในบรรจุภัณฑ์ที่ผนึกแน่นป้องกันอากาศ และ เก็บให้ห่างจากความชื้น ความร้อน แสง และ กลิ่น ควรเก็บไว้ในสถานที่ที่เย็นและแห้งโดยมีอุณหภูมิไม่สูงกว่า 30 องศาเซลเซียส สำหรับการจัดเก็บในระยะปานกลางนั้น ให้เก็บชาในถุงฟอยล์ที่ผนึกแน่นป้องกันอากาศ หรือ ภาชนะเซรามิคในตู้เย็น
Our leaf teas

Our leaf teas
ใบชาของเราอยู่ในกระป๋องที่ผนึกแน่นป้องกันอากาศและสามารถใช้ใหม่ได้โดยมีฉนวนกั้นด้วย

กฎ #3
น้ำ

Rule #3
ชาหนึ่งถ้วยประกอบด้วยน้ำ 99% ดังนั้นน้ำที่ดีมีความสำคัญสำหรับการชงชาเท่าๆกับตัวของชาเอง น้ำที่มีแร่ธาตุในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคลเซียม และ แมกนีเซียม (น้ำกระด้าง) น้ำที่ใส่คลอรีน น้ำเค็ม หรือ น้ำทะเลที่แยกเกลือออก หรือ น้ำที่ทำการต้มหลายครั้งนั้นไม่ดีพอสำหรับการใช้ชงชา ชานั้นมีความละเอียดอ่อน และ ความพึงพอใจในชาที่ดีมาจากส่วนผสมของกลิ่น ความใส ความเข้มข้น รสชาติ ตัวชา และ ใบชา ดังนั้นสิ่งเจือปน เช่นคลอรีน หรือ กาน้ำชาที่ล้างไม่สะอาดนั้นสามารถมีผลต่อความพึงพอใจของคุณในการดื่มชาที่ดีได้ ไม่ต่างกับการใช้น้ำที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ น้ำที่ดีหมายถึง น้ำพุธรรมชาติ แต่นั่นจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นหากคุณอยู่ในสต็อกโฮล์ม ซึ่งน้ำประปานั้นดีพอเพราะมาจากทะเลสาบที่มาจากธารน้ำแข็ง ในทางตรงกันข้าม น้ำในลอนดอนนั้นสามารถดื่มได้แต่ไม่เหมาะแก่การชงชา ถ้าน้ำในพื้นที่ของคุณนั้น ‘กระด้าง’ หรือ มีแร่ธาตุมาก โดยมีคลอรีน ฟลูโอไรด์ หรือ แร่ธาตุอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคลเซียม คุณต้องใช้ตัวกรองที่เป็นถ่านคุณภาพดี (activated carbon) ซึ่งมีการใช้เป็นปกติในท้องถิ่นต่างๆและผู้ที่ชงชาเป็นประจำ
ชาประเภทเดียวกัน แต่มีสองลักษณะ...
ความสำคัญของน้ำ

จาก www.integritea.org, บล็อคของผู้ชงชา
ชาสองถ้วย ที่มาจากถุงชาซีลอนบริสุทธิ์จากแหล่งเดียวกันของดิลมา โดยทำการชงในเวลาเดียวกัน ในถ้วยพอร์เซเลนเหมือนกัน แต่ ชงแยกกันนั้น-มีความแตกต่างกันอย่างมาก ชาแก้วหนึ่งมีความใส เข้มข้นโดยมีความสมดุลอย่างดีระหว่างความเข้มและรสชาติซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาที่ปลูกแบบวิธีดั้งเดิมในพื้นที่ที่เรียกว่า ดิมบูล่าของศรีลังกา อีกถ้วยหนึ่ง มีความฉุนแต่ไม่มีความเข้มข้น โดยสรุป ทั้งสองถ้วยมีความแตกต่างกัน-ถ้วยแรก สีเบอร์กันดีสดใสที่มีเฉดสีส้มรอบๆในที่ที่ชาสัมผัสกับพอร์เซเลนสีขาว ถ้วยที่สอง เป็นสีน้ำตาลเข้ม โดยมี ‘กากชา’ ลอยอยู่บนผิว
ผู้ร้าย หรือ สิ่งที่เป็นปัจจัยให้เกิดขึ้น? คือ น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำในลอนดอน ความแตกต่างที่มีมากในชาสองถ้วยนั้นซึ่งในทางทฤษฎีแล้วควรจะต้องเหมือนกันเนื่องจากทำมาจากถุงชาเดียวกันและเวลาในการชงเท่ากัน (3 นาที) ซึ่งแสดงให้เห็นในรูปข้างต้นนั้น มาจากความแตกต่างของความใส สี ความชัด ซึ่งอาจจะ หรือ อาจจะไม่เป็นหลักฐานที่แน่นอนเท่านั้น หากแต่รสชาติก็มีความแตกต่างกันอย่างมากอีกด้วย
‘กากชา’ ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เกิดเป็นคราบบนถ้วย ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นอันตรายแต่ก็เป็นเป็นสิ่งที่ไม่น่าดูนัก กากชาเป็นผลมาจากส่วนประกอบโมเลกุลที่สูงที่มารวมตัวกันเนื่องจากอิทธิพลของแคลเซียม และ ไบคาร์บอเนตไอออนที่ผิวของน้ำ ทั้งนี้จะมีกากชาเพียงเล็กน้อยในถ้วยชาที่แรงมากเนื่องจากกรดโพลีฟีนอลในชานั้นทำให้เกิดความสมดุลของไบคาร์บอเนตไอออน
เราสามารถเอากากชาออกได้โดยการกรองแคลเซียมไอออน หรือ โดยเพิ่มกรดเพื่อเปลี่ยนไบคาร์บอเนตไอออนให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการไม่ให้มีกากชาเลยโดยการใช้น้ำที่ดี ซึ่งมีความสำคัญมากที่สุด ถ้าคุณอยู่ในสวีเดน นิวซีแลนด์ หรือ สก็อตแลนด์ - ประเด็นนี้จะไม่เกิดขึ้น! โดยทั่วไปแล้วคุณภาพของน้ำในประเทศเหล่านี้ดีมากซึ่งเป็นผลดีมากในการชงชาโดยสามารถใช้น้ำประปาได้เลย ในหลายๆพื้นที่ – ตัวอย่างเช่น ลอนดอน ในแอดิเลด น้ำ ‘กระด้าง’ มาก ในสิงคโปร์และหลายๆเมืองที่น้ำมีการใช้หมุนเวียนนั้น จะมีแร่ธาตุและแคลเซียมสูง หรือ ‘กระด้าง’ – น้ำสามารถเปลี่ยนคุณภาพของชาได้อย่างมาก แม้แต่จากการชงชาที่มีคุณภาพดีก็ตาม
น้ำกระด้างนั้นถือว่าเป็นหายนะสำหรับชา ความลุ่มลึกของชาคุณภาพดีจะมีคุณภาพด้อยลงไปหากถูกผสมกับน้ำที่มีคุณภาพไม่ดี โดยทั่วไปแล้ว ชาส่วนใหญ่ทำการชงโดยใช้น้ำกระด้างที่น้อยกว่าหนึ่งนาทีจะทำให้มีความเข้มข้นและมีสีน้ำตาลเข้มหรือดำแทนที่จะเป็นโทนสีที่เหมาะสมมากกว่า มีเพียงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยที่ปรากฏให้เห็นของชาที่ชงในน้ำกระด้าง ไม่ว่าจะเป็นชาอังกฤษที่ดื่มในช่วงบ่ายที่มีสีเหลืองทองบางๆ หรือ ชาซีลอนซูปรีม สีมาฮอกกานี ทั้งคู่จะมีสีเข้มและน้ำตาลเข้ม โดยทั่วไปจะมี ‘กากชา’ บนผิวด้วย
One tea, two personalities…
The importance of water

from www.integritea.org, the Teamaker’s blog
น้ำพุธรรมชาติที่มีคุณภาพดีเป็นสิ่งที่ต้องการ – ในตัวอย่างข้างต้น ใช้น้ำพุธรรมชาติที่หาได้ (น้ำพุธรรมชาติจากภูเขาแอสเบคของเทสโก ขายในราคาน้อยกว่า 1 ปอนด์สเตอริง – หรือ 1.6 ดอลล่าร์สหรัฐ – สำหรับ 5 ลิตร ซึ่งเท่ากับ 20 ถ้วยชาใหญ่) ทั้งนี้ต้องมั่นใจว่าไม่ใช่น้ำโซดา ตัวอย่างอื่นๆของน้ำพุธรรมชาติที่ดี คือ วิทเทล เอเวียน เป็นน้ำพุธรรมชาติจากที่สูง – ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้หากต้องการลดต้นทุนของน้ำแล้ว ให้ใช้ที่กรองน้ำ เช่น บริตาซึ่งใช้แอคทิเวตเท็ตคาร์บอนและตัวกรองที่แลกเปลี่ยนไอออนเพื่อลดความกระด้าง แยกโลหะหนัก คลอไรด์ และ ความไม่สะอาดออกจากน้ำ เมื่อคุณได้น้ำที่เหมาะสมแล้ว ให้จำกฎที่เหลือสำหรับการชงชาที่สมบูรณ์แบบ
กฎ #4
น้ำต้ม

น้ำที่ถูกต้มซ้ำๆนั้นไม่ได้ดีตลอดเวลา เนื่องจากสามารถกำจัดสิ่งต่างๆออกไปได้ คือ ก๊าซที่ละลายอยู่ และ ทำให้ไนเตรท ฟลูออไรด์ เข้มข้นขึ้น รวมทั้งส่วนประกอบที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับชา
ในการชงชาแบบมืออาชีพนั้นจะใช้กาน้ำชาโลหะที่มีตัวตัดอุณหภูมิที่ดีในการลดการเดือดซ้ำ ในการชงชาที่บ้านนั้น ให้ใช้กาน้ำชาและน้ำต้มใหม่ทุกครั้ง
กฎ #5
ปริมาณชาที่ใช้

การชงชา คือ การนำเอาสิ่งที่ดีที่ธรรมชาติได้ให้มาซึ่งอยู่ในใบชาดำ ชาอู่หลง ชาเขียว หรือ ชาขาวนั้นออกมา การใช้ปริมาณของใบชาที่เหมาะสมสำหรับปริมาณชาที่คุณต้องการที่จะชงนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้มีการชงชาได้หลายวิธีในกาต้มชาหลายๆขนาด โดยต้องมีอัตราส่วนของชาต่อน้ำที่ใช้ตามที่ปฏิบัติกันมา วิธีการที่มีประสิทธิภาพและสะดวกที่สุดก็คือ: ใช้ ชา 2.5 กรัม ต่อน้ำ 220 มล. ให้ใช้ช้อนชาที่แห้งและสะอาด โดยตักชา 2.5 กรัม ใส่ในกาชาที่มีการอุ่นแล้วและไม่มีกลิ่น ทำการอุ่นกาชาและถ้วยชาโดยใส่น้ำร้อนแล้วแกว่งไปรอบๆแล้วเททิ้งก่อนที่จะทำการชงชา ให้เทน้ำใหม่ที่ต้มเดือดแล้วผ่านใบชา โดยใช้น้ำ 220 มล. ต่อ ชา 2.5 กรัม

กฎ #6
อุณหภูมิของน้ำและเวลาในการชงชา

Rule #6
ชาเขียว มีลักษณะโดยทั่วไปที่นุ่มนวลกว่าชาดำ และ ควรจะทำการชงในน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 70-80 องศาเซลเซียส ในขณะที่ชาอู่หลง ควรชงในน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 80-90 องศาเซลเซียส และ ชาดำในน้ำที่อุณหภูมิ 95-100 องศาเซลเซียส ชาดำที่ปลูกในที่สูงก็จะได้ประโยชน์จากการชงโดยใช้อุณหภูมิที่ต่ำกว่าที่ 85 องศาเซลเซียส

กฎ #7
การคน

เมื่อมีการผสมชาและน้ำใหม่ที่ต้มแล้วเข้าด้วยกัน ใบชาก็จะตกตะกอนอยู่ด้านล่างของกาที่ใช้ชงชา เป็นการลดการสัมผัสระหว่างใบชาและน้ำ จงทำการคนเพื่อกระตุ้นชาและทำให้มีการละลายที่เหมาะสม ทั้งนี้ชาดำควรจะทำการชงเป็นเวลา 3 นาที ทำการคนในน้ำที่เติมเข้ามาอีกครั้งในอีกหนึ่งนาทีต่อมา และ ท้ายที่สุดก่อนที่จะทำการเสริฟ ชาอู่หลงและชาเขียวให้ทำการชงเป็นเวลา 2 นาที
กฎ #8
อุณหภูมิที่เหมาะสมแก่การดื่ม

เมื่อทำการชงชาเสร็จสิ้นแล้ว ให้เทชาลงในถ้วยที่อุ่นๆรวมทั้งเศษชาที่เหลืออยู่ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการชงที่นานเกินไป ทั้งนี้ชาที่มีการชงนานเกินไปนั้นสามารถเกิดรสเฝื่อนขึ้นได้ อุณหภูมิที่ดีที่สุดในการดื่มชาร้อน คือ ประมาณ 65 องศาเซลเซียส โดยไม่ควรดื่มชาในตอนที่ร้อนเกินไป ซึ่งอุณหภูมิที่ดีที่สุดนั้นคืออุณหภูมิที่คุณรู้สึกสบายที่สุด
กฎ #9
กาเพิ่มเติมส่วนผสม

ควรเติมนมในชาดำที่เข้มข้นเท่านั้น และใช้นมอุ่นๆเท่านั้น เนื่องจากนมเย็นจะทำให้ชาเย็นลงอย่างรวดเร็ว ขอให้แนะว่าควรดื่มชาร้อนจะดีกว่า อีกอย่าง เราแนะนำให้ใช้น้ำตาลขาว ไม่ใช้น้ำตาลแดงเนื่องจากมีรสชาติคาราเมลเมื่อทำการเติมสิ่งอื่นๆ เช่น น้ำผึ้ง ใบมิ้นต์ ซินนามอน มะนาวฝาน เป็นต้น เพื่อเป็นการรักษารสชาติของชา หากต้องการจะใส่อย่างอื่นเพิ่มเติมควรจะใส่ส่วนผสมที่ไม่ทำให้เสียรสชาติจากธรรมชาติของชา
กฎ #10
รู้ว่าเมื่อใดที่ไม่ต้องทำตามกฎ “เหนือระดับแห่งการชงชา”

เมื่อทำการผสมชาค็อกเทล หรือ ทำอาหารกับชานั้น การชงชาที่มากเกินไปก็เป็นสิ่งสำคัญ รสชาติของชา ใบชา หรือ กลิ่นชา จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในอาหารหรือเครื่องดื่ม ข้อต่อมาแต่เป็นลักษณะที่สำคัญของชา-ชาแต่ละชนิดมีรส ความเข้ม ใบ และ กลิ่น ที่สัมพันธ์กันในแต่ละพื้นที่ ชาที่คุณเลือกนั้นควรจะทำให้เป็นส่วนประกอบที่เข้ากันได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการทำอาหาร หรือ การผสม ที่ควรจะต้องรักษาลักษณะเฉพาะและความพึงพอใจไว้ด้วย ชาสามารถเป็นพื้นฐานสำหรับการทำโฟมเป็นฟองในค็อกเทล ซึ่งสามารถเพิ่มผิวสัมผัสเมื่อราดไปบนสลัด และ การใช้ก็มีขอบเขตอยู่ที่จินตนาการของการปฏิวัติชาที่แท้จริง
ความพึงพอใจของชานั้นเริ่มต้นจากการเตรียมการชงชา จากสายตาที่มองเห็น การได้กลิ่นจากจมูก และ ท้ายที่สุดจากการสัมผัสรสชาติจากลิ้น ในการนำเสนอประสบการณ์การดื่มชานั้น การให้แขกได้มีส่วนร่วมในการเตรียมชาถือเป็นสิ่งที่สำคัญอันจะนำไปสู่ความพึงพอใจในรสชาติของชา ชาแต่ละชนิดมีเรื่องราวที่สัมพันธ์กับท้องถิ่น ที่อธิบายใบชา ใบผสม และ วิธีการชงชา ทั้งนี้ความรู้ในเรื่องชาจากภูมิภาคต่างๆ ความแตกต่าง ประสบการณ์ในรูปแบบต่างๆ กลิ่น และ รสชาติ ทำให้ความพึงพอใจในประสาทสัมผัสเพิ่มสูงขึ้น และ ความรู้นั้นยังส่งผลต่อความรู้สึกตื่นเต้นที่นักดื่มชามีต่อชาอีกด้วย
กฎ #11
การนำเสนอของชา
รูปลักษณ์การนำเสนอที่ปรากฏของชานั้นมีความสำคัญเท่าเทียมกันกับในกรณีของอาหารและไวน์ ความละเอียดอ่อนและคุณภาพของภาชนะในการดื่มนั้นมีผลอย่างมากต่อระดับของความพึงพอใจ ตัวอย่างเช่นเซรามิคที่หยาบและหนานั้นจะทำให้เกิดผลที่แตกต่างอย่างมากทางด้านหน้าที่ของภาชนะและทางด้านความรู้สึกรับรู้ เมื่อเปรียบเทียบกับชาแบบเดียวกันที่เสริฟในพอร์เซเลนที่ดี โบนไชน่า หรือ แก้ว การนำเสนอชาควรจะดำเนินการในสามด้าน – การมองเห็น กลิ่น และ รสชาติ – เพื่อให้แขกได้สัมผัสผ่านทาง ความรู้ และ การนำเสนอของส่วนประกอบอื่นๆ รวมทั้งเครื่องปรุง ชุดชา เป็นต้น ในรูปแบบที่ทำให้พึงพอใจทั้งด้านการมองเห็นและการใช้งานจริง

รูปภาพ คาเฟ่

รูปภาพ บุฟเฟต์อาหารเช้า

รูปภาพ อาหารมื้อที่ยอดเยี่ยม
